ปัจจุบัน Google Ads ก็ยังคงเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ผมชื่นชอบ และยังคงใช้เพื่อเพิ่มยอดขายหรือเพิ่มโอกาสทางธุรกิจอยู่เสมอ คนที่ยังไม่เคยใช้งานอาจจะมองว่าใช้งานยาก แต่จริงๆแล้วถ้าเข้าใจในโครงสร้างของมัน จะเริ่มต้นทำ Google Ads ด้วยตัวเองก็ไม่ยากมากครับ
บทความในวันนี้จะเป็นการแนะนำหนึ่งในกลยุทธ์ที่ผมใช้ในการเพิ่ม conversion rate ให้กับ search campaigns ที่เน้นการเพิ่มยอดขาย หรือ การเก็บข้อมูลลูกค้า (lead) เรียกกลยุทธ์นี้ว่า SKAGs ครับ โดยวิธีนี้จะช่วยให้แคมเปญของเรามี quality score ที่ดีขึ้น ส่งผลต่อต้นทุนของเราโดยตรงครับ
Quality Score ส่งผลต่อต้นทุนของเรายังไง?
หนึ่งในเมทริคที่สำคัญในการทำ Google Ads ก็คือคะแนนคุณภาพ Quality Score ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในการจัดอันดับโฆษณา โดยมีองค์ประกอบ 3 ส่วนหลักด้วยกันคือ
- ความสอดคล้องของโฆษณา Ad Relevance
- คุณภาพและประสบการณ์ใช้งานของหน้าเว็บไซต์ Landing Page Experience
- Click-Through-Rate (CTR)
ยิ่งคะแนนคุณภาพสูง ต้นทุนของเราก็จะลดลง ดังนั้นโจทย์ของเราคือพยายามทำให้องค์ประกอบทั้ง 3 ส่วนหลักนั้นมีคะแนนที่ดีขึ้น ซึ่งกลยุทธ์ SKAGs จะเข้ามาช่วยในเรื่อง CTR และ Ad Relevance ได้ครับ (แนะนำให้อ่านเพิ่มเติมเรื่อง Quality Score ที่นี่ครับ)
Single Keyword Ad Groups (SKAGs)
กลยุทธ์ SKAGs นั้นก็ตรงตามชื่อของมันเลยครับ คือการใช้ 1 keyword ต่อ 1 ad group ซึ่งมันแตกต่างจากคำแนะนำของ Google เมื่อเราสร้างแคมเปญโฆษณาครั้งแรก ที่จะแนะนำให้ใส่ keyword ที่เกี่ยวข้องหลายๆตัว (ประมาณ 10 – 20 คำ) ลงใน ad group ซึ่งหากเราทำตามคำแนะนำนั้นแล้ว เราจะพบปัญหาหลักๆก็คือ การเขียนโฆษณาให้สอดคล้องกับ keyword ทุกคำใน ad group นั้นทำได้ยากจริงๆครับ
เมื่อเขียนให้สอดคล้องได้ยากขึ้น ad relevance ก็ไม่ค่อยดี ส่งผลต่ออัตราการคลิ๊กผ่านหรือ CTR ที่มีแนวโน้มลดลง สุดท้าย quality score ของเราก็ต่ำ ส่งผลต่ออันดับโฆษณาและอัตราค่าคลิ๊กอย่างเลี่ยงไม่ได้
SKAGs จึงถูกนำมาแก้ไขปัญหานี้ครับ การที่เราสามารถคอนโทรล keyword ได้เจาะจงมากขึ้น จะทำให้ ad relevance ดีขึ้น ตามมาด้วย CTR ที่สูงขึ้น ส่งผลให้ quality score ของคุณดีขึ้นได้ และแน่นอนว่าต้นทุนของคุณนั้นก็จำต่ำลงอีกด้วยครับ
ขั้นตอนในการสร้างแคมเปญด้วย SKAGs
หากคุณทำแคมเปญโฆษณาอยู่แล้วให้เข้าไปยัง search terms report ภายใต้เมนู keywords เพื่อดูว่าในอดีตแคมเปญของเรานั้น คำค้นหาไหนได้มอบ conversion ให้คุณมากที่สุด เราสามารถเริ่มต้นวางโครงสร้างใหม่ให้กับคำค้นหาเหล่านั้นได้

ในบทความนี้ผมจะยกตัวอย่างแคมเปญขาย ไมค์ติดกล้อง gopro โดยสร้างแคมเปญ และ ad group ขึ้นมาใหม่ เพิ่มคำค้นหา ไมค์ติดกล้อง gopro โดยใช้ทั้ง 3 รูปแบบของ keyword match types โดยไม่ต้องสนใจคำแนะนำของ Google นะครับ ที่พยายามให้เราใส่คำค้นหาลงไป 10-20 คำ แต่โดยปกติแล้ว ผมมักจะไม่ใช้งาน broad match เลยในแคมเปญที่ผมดูแล

หลังจากนั้นก็เป็นการเขียนโฆษณา, ส่วนขยายโฆษณาให้สอดคล้องกับคำว่า ไมค์ติดกล้อง gopro คุณอาจจะลองใช้เทคนิค Keyword Insertion ร่วมด้วยก็ได้ และอย่าลืมใช้งาน negative keywords ให้กับแคมเปญของคุณด้วยนะครับ

จากตัวอย่างข้างบน หากเราทำตามคำแนะนำของ Google แล้วใส่คำค้นหา เช่น ไมค์ติดกล้อง dslr, ไมค์ติดเสื้อ, ไมค์ติดกล้อง saramonic เข้ามาอยู๋ใน ad group เดียวกัน คุณจะเขียนโฆษณาบอกรายละเอียดของสินค้าคุณได้ยาก และจะต้องเขียนแบบกว้าง ๆ ไว้ก่อน ทำให้ลูกค้าพลาดโอกาสเห็นข้อความโฆษณาที่ตรงกับเจตนาในการค้นหาของเค้า ลูกค้าอาจจะไม่คลิ๊กโฆษณา เราเสีย impression แน่นอนว่า CTR เราก็จะลดลง
บทสรุป
เมื่อคุณสามารถคอนโทรลคำค้นหาของคุณได้มากขึ้น การเขียนโฆษณาให้สอดคล้องกับคำค้นหาก็จะง่ายและดีขึ้น ทำให้ quality score ของคำค้นหานั้นๆมีคะแนนที่ดีขึ้น ต้นทุน cpc ของคุณจะถูกลงและ conversion rate ก็จะดีขึ้นตามมา
SKAGs นั้นเริ่มต้นทำจะเหนื่อยหน่อย แต่ระยะยาวแล้วคุ้มค่าแน่นอน monitor และ optimize ได้ง่ายด้วยครับ ลองนำกลยุทธ์นี้ไปปรับใช้ดูในแคมเปญของคุณกันได้นะครับ และหวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆเหมือนเคยครับ
Tae